โรคไข้เลือดออก อาการ วิธีรักษา และการป้องกัน
โรคไข้เลือดออก อาการ วิธีรักษา และการป้องกัน
เมื่อพูดถึงโรคไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) คงไม่มีใครไม่รู้จักกับโรคที่ก่อให้เกิดความกังวลและความตื่นตาตื่นใจ โรคนี้เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus) ซึ่งมักถูกนำพาโดยยุงลาย โรคไข้เลือดออกเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถเกิดอาการรุนแรงและทำให้เสียชีวิตได้หากไม่รับการรักษาทันท่วงที ในบทความนี้เราจะมาสำรวจและอธิบายเกี่ยวกับอาการของโรคไข้เลือดออก วิธีรักษา และการป้องกันของโรคนี้ในประเทศไทย.
โรคไข้เลือดออก อาการและระยะการเป็นโรค
ระยะที่ 1 อาการระยะไข้สูง
- อาการเริ่มต้นด้วยไข้สูงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ไข้สูงลอยตลอดเวลาอยู่ประมาณ 2-7 วัน
- อาจมีอาการหน้าแดงและตาแดง
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ กระหายน้ำ เบื่ออาหาร
- อาเจียน ซึม และบางรายอาจมีอาการเจ็บคอและไอเล็กน้อย
- ผื่นแดงบางรายอาจปรากฏบนผิวหนัง
ระยะที่ 2 อาการระยะช็อกและมีเลือดออก
- เกิดช่วงวิกฤตระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค
- ไข้จะลดลงแต่อาการรุนแรงมากขึ้น
- ผู้ป่วยมีอาการทรุดหนักและเกิดภาวะช็อก
- กระสับกระส่าย เหงื่อออก ตัวเย็น มือเท้าเย็น ปัสสาวะออกน้อย
- ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว ความดันเลือดต่ำ ซึม
- มีการเลือดออกในร่างกาย อาเจียน เลือดกำเดาไหล ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด
ระยะที่ 3 อาการระยะฟื้นตัว
- ระยะที่ผู้ป่วยเริ่มรับการรักษาและภาวะช็อกไม่รุนแรง
- อาการเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยเริ่มรับประทานอาหารได้
- ร่างกายเริ่มฟื้นตัวสู่สภาพปกติ
การรักษาโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสที่เฉพาะตัวสำหรับกำจัดเชื้อไวรัสนี้อยู่ในขณะนี้ ดังนั้นการรักษาโรคไข้เลือดออกเน้นที่การจัดการอาการเพื่อควบคุมสภาพและลดความรุนแรงของโรคได้มากที่สุด
1.1 การรักษาอาการจากไข้สูง
ในขั้นแรกเมื่อมีไข้สูง ควรให้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้และอาการปวดร่วมกับการพักผ่อนมากๆ เพื่อให้ร่างกายมีโอกาสฟื้นตัวจากการต่อสู้กับเชื้อไวรัส
1.2 การจัดการอาการคลื่นไส้อาเจียน
หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ควรใช้ยาแก้คลื่นไส้และรับประทานน้ำเกลือแร่หรือน้ำผลไม้เพื่อรักษาความสมดุลไฟฟ้าในร่างกาย นอกจากนี้ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดภาวะช็อค
1.3 การเฝ้าสังเกตอาการภาวะช็อค
ภาวะช็อคเป็นสภาวะที่เกิดจากการเสียเลือดหรือน้ำเลือดมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงที่ไข้ลดลง การเฝ้าสังเกตอาการของผู้ป่วยคืออาการปวดท้อง ปัสสาวะน้อยลง มีอาการกระสับกระส่ายหรือเซื่องซีม มือเท้าเย็น หน้ามืด เป็นลมง่าย หากพบอาการเช่นนี้ควรรีบส่งโรงพยาบาลทันที
การป้องกันโรคไข้เลือดออก
2.1 การป้องกันยุงลาย
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มียุงลายมาก
- ใช้ยากันยุงหรือใช้สารกันยุงที่เป็นประโยชน์
- ไม่ควรอยู่ในบริเวณที่อับลมหรือมืดมน
2.2 การทำความสะอาดรอบบ้าน
- อาบน้ำเป็นประจำเพื่อล้างเหงื่อและล้างยุงลายออกจากผิว
- กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายบริเวณบ้านและใกล้เคียง
2.3 การปรับปรุงสภาพแวดล้อม
- กำจัดภาชนะที่เก็บน้ำไม่จำเป็น
- ปิดฝาโอ่งน้ำดื่มและน้ำใช้ให้สนิท
- ทำความสะอาดภาชนะที่เก็บน้ำประจำ
- ปรับปรุงสภาพแวดล้อมรอบบ้านให้สะอาด
การดูแลตนเองหากเป็นโรคไข้เลือดออก
3.1 การดูแลระหว่างระยะเริ่มต้นของโรค
ในระยะ 2 – 3 วันแรกของการเป็นโรค ควรพักผ่อนมากๆ และรับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก และดื่มน้ำมากๆ หากยังรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ ไม่อาเจียน ไม่ปวดท้อง ไม่มีจ้ำเลือดขึ้นและยังไม่มีอาการเลือดออกหรือภาวะช็อกเกิดขึ้น
3.2 การดูแลระหว่างระยะกลางของโรค
หากมีไข้สูง ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆ และรับประทานยาพาราเซตามอลตามคำแนะนำ รักษาความสมดุลไฟฟ้าในร่างกายและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
3.3 การรีบส่งโรงพยาบาล
หากผู้ป่วยอาเจียนมาก หรือมีเลือดออกหรือเป็นภาวะช็อกควรรีบส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ข้อควรระวัง บทความนี้ไม่ใช้เป็นทางการเพียงผลงานที่สร้างขึ้นเพื่อการแนะนำเท่านั้น หากคุณมีอาการป่วยหรือเป็นโรค ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่ถูกต้อง